ในยุคสมัยนี้ คนรุ่นใหม่จำนวนมากต่างปรารถนาที่จะมีธุรกิจหรือ Startup เป็นของตัวเอง เพราะการเป็นนายตัวเองจะปลดแอกเราจากงานประจำอันแสนน่าเบื่อและไร้จุดหมาย ทั้งยังทำให้เวลาและสถานที่ในการทำงานมีความยืดหยุ่นตามใจเรา เราเป็นผู้กำหนดเป้าหมายและเลือกคนที่จะทำงานให้เรา และที่สำคัญคือเราได้อุทิศชีวิตให้กับสิ่งที่เรารัก ทำตามความฝันของตัวเอง ไม่ใช่ทำตามความฝันของคนอื่น
แต่อย่างไรก็ตาม แม้การมีธุรกิจเป็นของตัวเองจะมอบอิสรภาพทางการเงินและการใช้ชีวิตให้กับเรา แต่นั่นหมายความว่าธุรกิจของเราต้องประสบความสำเร็จเสียก่อน ซึ่งผู้ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจส่วนมากพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า การเริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะต้องอาศัยความมุ่งมั่น ความอดทน ความรักและความศรัทธาในสิ่งที่ทำอย่างแรงกล้า และต้องพร้อมเผชิญกับปัญหาและความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้น ธุรกิจของเราจึงจะประสบความสำเร็จได้
ถึงแม้ว่าคุณสมบัติเหล่านั้นจะเป็นส่วนสำคัญที่สุดของการก่อร่างสร้างธุรกิจให้เกิดขึ้นจริง แต่กระนั้นขั้นตอนหรือวิธีการที่จะนำไปสู่เป้าหมายก็สำคัญไม่แพ้กัน วันนี้เราจะนำเสนอหลัก 6 ข้อที่จะนำสตาร์ทอัพไปสู่ความสำเร็จได้
- ทำทีละอย่าง
เราจะเห็นได้ว่าผู้ประสบความสำเร็จในธุรกิจหลายอย่าง ล้วนแต่ให้ความสำคัญทีละธุรกิจ ดังนั้นเราจึงควรอุทิศชีวิตและเวลาในการทำงานเป็นอย่าง ๆ ไป เพราะการทำสิ่งใดให้สำเร็จ ต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจอย่างเต็มที่ ซึ่งถ้าเราหลายอย่างพร้อมกัน เราก็ไม่มีเวลาพอที่จะทุ่มเทให้กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และสุดท้ายก็อาจจะไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
- รู้จักโลกธุรกิจที่เราจะทำ
ก่อนจะเริ่มทำอะไรเป็นของตัวเอง เราควรต้องมีประสบการณ์ในด้านนั้น ๆ ระดับหนึ่งก่อน เพราะการทำธุรกิจโดยตัวมันเองก็มีความเสี่ยงอยู่แล้ว ยิ่งถ้าทำโดยไม่มีความรู้หรือประสบการณ์เลยยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ ดังนั้น ถ้าคุณอยากเปิดร้านอาหาร คุณก็ควรลองไปทำงานในร้านอาหารก่อน ตำแหน่งไหนก็ได้ เพื่อให้คุณเห็นระบบการทำงานและภาพรวมของธุรกิจเสียก่อน พูดง่าย ๆ คือ จงศึกษาให้ถ่องแท้และลงไปคลุกคลีกับธุรกิจที่คุณต้องการทำให้มากที่สุด
- เรียนรู้จากผู้อื่น
นอกจากการเรียนรู้ด้วยตนเองแล้ว เราก็ควรแสวงหาความรู้จากคนอื่นด้วย เช่น การร่วม Workshop ทำธุรกิจที่น่าเชื่อถือ การแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้อื่น ตลอดจนการลงคอร์สเพิ่มทักษะที่จำเป็น การเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นเรื่องที่ดี แต่การเรียนรู้จากผู้อื่นก็สำคัญไม่แพ้กัน เราอาจจะได้มุมมองที่แปลกแหวกแนว ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือแม้กระทั่งได้เพื่อนร่วมธุรกิจเลยก็เป็นได้
- อย่ามีแต่ไอเดีย จงมีพิมพ์เขียวด้วย
ไอเดียที่เจ๋งจริง ไม่ใช่ไอเดียทีลอยฟุ้งอยู่ในหัวของเราเพียงคนเดียว แต่ไอเดียนั้นต้องมีแบบแผนที่ชัดเจน จับต้องได้และทำได้จริง การทำพิมพ์เขียวทางธุรกิจนอกจากจะช่วยให้ไอเดียวของเราเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น มันยังเป็นประโยชน์เวลาเรานำไอเดียไปเสนอใครด้วย ต้องเข้าใจว่าคนอื่นไม่ได้ ‘อิน’ กับไอเดียเท่ากับเรา และพวกเขาก็ต้องการภาพที่ชัดเจนที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
พิมพ์เขียวทางธุรกิจประกอบไปด้วยข้อมูลดังนี้
- คำอธิบายที่ชัดเจนว่าธุรกิจของเราทำเกี่ยวกับอะไร? และตอบสนองต่อความต้องการของคนกลุ่มไหน?
- ธุรกิจของเราจะดำเนินงานอย่างไรในแต่ละวัน?
- สิ่งที่เราต้องรับผิดชอบคืออะไร?
- สิ่งที่เราจะทำและสิ่งที่คนอื่นจะทำคืออะไร?
- ค่าใช้จ่ายโดยประมาณของปีแรกเป็นจำนวนเท่าใด?
- เราจะทำอย่างไรให้มีเงินเพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายในปีแรก? เช่น กำไรจากการขาย การร่วมหุ้น หรือการเปิดระดมทุน เป็นต้น
- สร้างทีมในฝัน
เรียกได้ว่าน้อยมากหรือแทบไม่มีเลยที่ธุรกิจใดธุรกิจหนึ่งจะสามารถประสบความเร็จได้ด้วยคนเพียงคนเดียว จงใช้พิมพ์เขียวที่คุณทำขึ้นมาให้เป็นประโยชน์ เอาพิมพ์เขียวนี้ไปคุยกับคนที่คุณอยากให้มาร่วมทีมด้วย สตาร์ทอัพที่ดีควรประกอบด้วย 3 ทีมหลัก ๆ ได้แก่
- ทีมที่ปรึกษาที่มีความรู้หรือผ่านประสบการณ์มาพอสมควร
- ทีมผู้บริหาร (อย่างไม่เป็นทางการ) ที่จะเป็นหัวหอกของการทำงานด้านต่าง ๆ
- ทีมพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ทั่วไป
- หาเวลาผ่อนคลายบ้าง
การอุทิศชีวิตและเวลาให้กับงานเป็นเรื่องที่ดีและน่ายกย่อง แต่กระนั้นเราก็ควรหาเวลาไปพักผ่อน ออกไปพบปะเพื่อนฝูง หรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัวหรือคนที่เรารักบ้าง อย่าหักโหมจนเกินไป และบางทีการพักผ่อนนี่แหละ อาจจะทำให้เราคิดอะไรบางอย่างออกก็เป็นได้
เรียบเรียงจาก: entrepreneur