เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Amazon ได้ทำการเลิกจ้างพนักงาน Ahmed Shahrour วิศวกรซอฟต์แวร์ชาวปาเลสไตน์ หลังจากที่เขาถูกพักงานเมื่อเดือนก่อน เนื่องจากการวิจารณ์บทบาทของบริษัทในการให้ความร่วมมือกับรัฐบาลอิสราเอล

ในช่วงที่ถูกพักงาน Shahrour ได้โพสต์ข้อความในช่องทางภายในองค์กร และส่งจดหมายถึงทีมผู้บริหาร โดยตั้งคำถามถึงโครงการ Project Nimbus ซึ่ง Amazon และ Google ร่วมมือให้บริการระบบ Cloud แก่รัฐบาลอิสราเอล ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยอ้างว่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในงานด้านการเฝ้าระวังและปฏิบัติการในสงครามของอิสราเอลได้

Amazon ระบุว่า Shahrour ละเมิดนโยบายของบริษัท ทั้งในเรื่องถ้อยคำที่อาจถูกมองว่า “ข่มขู่หรือก่อให้เกิดความกลัว” ต่อผู้บริหารหรือเพื่อนร่วมงาน จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนภายในองค์กร บริษัทกล่าวเพิ่มเติมว่าทุกข้อร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมไม่เหมาะสมจะได้รับการสอบสวน และจะดำเนินการตามผลการสอบสวน

ขณะเดียวกัน Shahrour อ้างว่า Amazon เคยลบโพสต์ของกลุ่ม “Arabs at Amazon” ที่วิพากษ์วิจารณ์สภาพการณ์ในฉนวนกาซา แต่กลับไม่แตะต้องโพสต์ที่วิจารณ์ฝั่งปาเลสไตน์ ซึ่งเขามองว่าเป็นการเลือกปฏิบัติด้านเสรีภาพในการแสดงความเห็นภายในองค์กร

เหตุการณ์นี้สะท้อนความท้าทายที่เพิ่มขึ้นของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งต้องรับมือกับความขัดแย้งกันระหว่างความเป็นกลางทางธุรกิจ กับจุดยืนทางจริยธรรมและสิทธิมนุษยชนของพนักงานและสังคม การปลดพนักงานครั้งนี้จึงอาจไม่ใช่เพียงเรื่องภายในองค์กร แต่ยังสะท้อนคำถามใหญ่ของยุคดิจิทัล ว่าบริษัทเทคโนโลยีควรรับผิดชอบต่อผลกระทบของเทคโนโลยีที่พวกเขาสร้างขึ้นอย่างไร และพนักงานควรมีพื้นที่แสดงออกมากแค่ไหนในโลกการทำงานที่เชื่อมโยงกับการเมืองโลกมากขึ้นทุกวัน

ที่มา: CNBC