เทคโนโลยี AI ที่กำลังแข่งขันกันอย่างเข้มข้นในขณะนี้ นอกจากด้านความฉลาดแล้ว ยังมีอีกด้านที่ไม่ค่อยถูกพูดถึง นั่นคือด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมนั่นเอง การฝึกโมเดล AI ให้เก่งขึ้นเรื่อยๆนั้นเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้พลังงานและปล่อยมลพิษจำนวนมาก ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าบริษัท Microsoft กำลังสร้างมลภาวะที่ทำให้โลกร้อนมากขึ้นกว่าที่สร้างในปี 2020 ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ (ปีที่ได้ประกาศจุดยืนในการลดปริมาณก๊าซคาร์บอน) แสดงให้เห็นว่าอาจเป็นไปไม่ได้ที่บริษัทจะเป็นผู้นำด้าน AI ไปพร้อมกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไปด้วย

ย้อนกลับไปในปี 2020 Microsoft ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างคาร์บอนติดลบภายในปี 2030 คือจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง และจะดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณที่มากกว่าที่ปล่อยออกมา ถือเป็นความมุ่งมั่นอย่างกล้าหาญในขณะนั้น แต่ดูเหมือนว่าความตั้งใจในการพัฒนาเทคโนโลยี AI ของ Microsoft ซึ่งได้ลงทุนกับ OpenAI ไปมากกว่า 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์ จะทำให้การบรรลุเป้าหมายด้านคอาร์บอนนั้นยากขึ้นมาก เมื่อเจาะลึกข้อมูลในรายงานความยั่งยืนของ Microsoft จะเห็นว่าบริษัทกำลังไปในทิศทางที่ผิดแค่ไหน โดยกระบวนการทำงานของ Microsoft ทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา 15.357 ล้านตันในปีงบประมาณที่แล้ว เทียบได้กับมลพิษคาร์บอนประจำปีของประเทศเฮติหรือบรูไน

ศูนย์ข้อมูลที่ใช้ในการฝึก AI นั้นใช้พลังงานมากกว่าศูนย์ข้อมูล Data Center แบบเดิม ที่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมากเพื่อใช้งานเซิร์ฟเวอร์และระบบทำความเย็นเพื่อป้องกันความร้อนสูงเกินไป และ Microsoft มีแผนที่จะสร้างศูนย์ข้อมูลเหล่านี้เพิ่มขึ้นอีกมาก ซึ่งขณะนี้ทั้งหมดอยู่ในระบบ AI บริษัทวางแผนที่จะใช้จ่าย 5 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณที่ผ่านมา และน่าจะเพิ่มขึ้นอีกในปีถัดไป

ที่มา: https://www.theverge.com/2024/5/15/24157496/microsoft-ai-carbon-footprint-greenhouse-gas-emissions-grow-climate-pledge