เห็นหัวข้อแล้วอย่าพึ่งตกใจกันนะว่าทำไม Bossup Solution ถึงเอา How to ประหลาด ๆ มาให้เราอ่านกัน เพราะก่อนหน้านี้เราเขียนบทความ “หลัก 6 ประการ สานฝันสตาร์ท อัพให้เป็นจริง” ครั้งนี้เราจึงอยากเขียนบทความที่ยั่วล้อบทความที่เราเคยเขียนมาดูบ้าง
อันที่จริงแล้วบทความนี้เป็นหลักทางจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ว่า บางครั้งวิธีการสอนที่ดีสุด อาจไม่ใช่การสอนให้รู้จักสิ่งที่นำไปสู่ความสำเร็จ แต่เป็นการสอนให้รู้จักสิ่งที่จะนำไปสู่ความล้มเหลวต่างหาก ซึ่งแนวคิดแบบนี้พบได้ในหนังสือ How to ruin your life ที่โด่งดังของ Ben Stein โดยเขียนออกมาในน้ำเสียงเสียดสี แต่ชวนขันและอุดมไปด้วยข้อคิดดี ๆ เป็นจำนวนมาก
แต่ในบทความนี้เราไม่ได้มาพูดถึงหนังสือของ Ben Stein แต่อย่างใด แต่เราจะพูดถึงแนวทางที่สตาร์ทอัพทั้งหลาย (ไม่) ควรปฏิบัติโดยใช้กลวิธีการนำเสนอแบบเดียวกับ Ben Stein หวังว่าผู้อ่านทุกคนคงจะรู้สึกขบขันไปพร้อม ๆ กับได้รับสารประโยชน์จากบทความนี้ด้วย
- กู้เงินเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ
การเป็นผู้ประกอบการที่ดี ต้องไม่ฝากภาระค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนไว้กับกระแสเงินสดที่เชื่อถือไม่ได้และคาดเดาไม่ได้ แต่ต้องฝากภาระไว้กับเงินที่กู้ยืมมาแทน ดังนั้นเมื่อคุณทำเรื่องกู้เงินกับธนาคารได้ จงกู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และจงมั่นใจในตัวเองว่ามีปัญญาจ่ายคืนทั้งหมด จำไว้ว่าการกู้เงินตั้งแต่เริ่มธุรกิจก็นับว่าประสบความสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว
- จ้างคนให้มากและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ยิ่งเราเพิ่มค่าใช้จ่ายให้กับบริษัทเขาเรามากเท่าไร ก็ยิ่งเป็นการกระตุ้นให้บริษัทเราต้องทำยอดขายมากเท่านั้น นี่เป็นเคล็ดลับที่ไม่ใครเคยคาดคิดมาก่อนแน่นอน อย่าไปสนใจรายจ่ายที่มีอยู่ จงรีบปั่นยอดขายให้เลือดตาแทบกระเด็น เพื่อมาจ่ายค่าจ้างพนักงาน คิดเสียว่าพนักงานเรายิ่งมาก บริษัทเรายิ่งขยายตัวตามไปด้วย
- จงมุ่งมั่นในการวางแผน
มีภาษิตของอดีตประธานาธีบดีสหรัฐ อับราฮัม ลินคอล์น (Abraham Lincoln) ที่กล่าวว่า “ถ้าข้าพเจ้ามีเวลาแปดชั่วโมงในการตัดต้นไม้ ข้าพเจ้าจะใช้เวลาหกชั่วโมงในการลับขวานให้คม” นี่เป็นคำคมที่ล้าสมัยไปเสียแล้ว ในยุคนี้หากเรามีเวลา 8 ชั่วโมงในการตัดต้นไม้ จงใช้เวลาทั้งหมด 8 ชั่วโมงเพื่อลับขวานเท่านั้น เสียงลับขวานที่บาดลึกและความคมของขวานอันน่าเกรงขาม จะทำให้ต้นไม้ล้มลงมาเองโดยที่เราไม่ต้องออกแรงสักนิดเดียว สตาร์ทอัพก็เช่นกัน วางแผนให้ดีแล้วจะประสบความสำเร็จแน่นอน (ส่วนการลงมือทำนั้นไม่จำเป็น)
- จัดทีมบริหารให้เต็มสูบ
ทำให้สตาร์ทอัพของเรามีตำแหน่งผู้บริหารให้ครบไม่ว่าจะเป็น CFO, COO, CTO, CIO และ CMO เนื่องจากตำแหน่งเหล่านี้มีความสำคัญมาก เพราะมันจะทำให้หน้าเว็บไซต์ของเราดูดี ดูน่าเชื่อถือ และดูมีระดับ แตกต่างจากพวกสตาร์ทอัพระดับล่างที่มีทีมบริหารไม่กี่คนเท่านั้น และการทำแบบนี้ก็จะยิ่งสอดคล้องกับข้อที่ 3 ด้วยเพราะค่าจ้างคนมาทำตำแหน่งนี้มีราคาสูงมาก แต่อย่าลืมว่ายิ่งค่าใช้จ่ายมาก ก็ยิ่งกระตุ้นสตาร์ทอัพของเราไปด้วย
- ภาพลักษณ์ต้องมาก่อน
ภาพลักษณ์ของบริษัทถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุด การตกแต่งบริษัทให้ดูหรู มีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง มีเทคโนโลยีล้ำ ๆ มีขนมและเครื่องเล่นเกมต่าง ๆ ไว้ให้พนักงานผ่อนคลาย ดูตัวอย่างได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Google หรือ Facebook ก็ได้ สิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวที่ทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจและติดหนึบกับแบรนด์ของเรา ส่วนเรื่อง Performance เช่น การเพิ่มกำไร การทำแคมเปญกระตุ้นยอดขาย และอื่น ๆ ถือเป็นเรื่องรองทั้งนั้น ของพวกนี้รอไว้ก่อนได้ เน้นการสร้างภาพลักษณ์ก่อน
- ใช้เวลาที่มีหาเงินลงทุนร่วมและหุ้นนอกตลาด
อย่างที่บอกไปว่าจงใช้เวลาเพื่อการวางแผนเท่านั้น การหาเงินทุนก็เป็นส่วนหนึ่งด้วย เพราะเราจะได้ไม่ต้องมาสนใจกับการพัฒนาคุณภาพสินค้าหรือบริการของเรา การอัดฉีดเงินเข้าไปเป็นจำนวนก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นเองโดยไม่ต้องลงมือทำอะไรทั้งนั้น เมื่อสินค้าหรือบริการของเราดีขึ้น ลูกค้าก็จะเลือกซื้อของจากบริษัทของเราตามหลักปรัชญาทางเศรษฐศาสตร์ที่ว่า “มนุษย์ย่อมเลือกสิ่งที่สุดให้กับตัวเอง” และเงินส่วนหนึ่งก็จงนำไปจัดปาร์ตี้ หรือมีทติ้งให้กับพนักงาน เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการทำงานให้กับพวกเขา
ด้วยเหตุผลทั้งหมด 6 ข้อที่กล่าวมา เราเชื่อมั่นว่ามันจะทำให้สตาร์ทอัพของทุกคนดิ่งลงเหวแห่งความสำเร็จได้อย่างแน่นอน ผู้ประกอบการคนไหนที่อยากลองนำแนวทางของเราไปใช้ ก็อยากให้คอมเมนต์หน่อยว่าอะไรดลใจให้คิดแบบนั้น และช่วยส่งต่อแนวคิดนี้ไปให้ผู้อื่นได้ประสบชะตากรรมเดียวกับท่านด้วย
เรียบเรียงจาก: entrepreneur
อ่านบทความ “หลัก 6 ประการ สานฝันสตาร์ทอัพ ให้เป็นจริง”