3 อุปสรรคใหญ่ที่ฉุดรั้งคนรุ่นใหม่จากความสำเร็จ
ผมกลัวมาก…กลัวว่าสิ่งที่เขียนในบทความนี้มันจะ “กลวง” และ “ซ้ำซาก” เหมือนกับบทความ How-to ในที่อื่น ๆ ที่ถูกเขียนลงเว็บไซต์หรือเฟสบุ๊กทุกวัน แต่บทความนี้ผมจะเขียนจากความรู้สึกของตัวเอง บวกกับสิ่งที่ผมได้อ่านจากหนังสือที่ชื่อ #AskGaryVee: One Entrepreneur’s Take on Leadership, Social Media, and Self-Awareness เขียนโดย Gary Vaynerchuk บุคคลที่ผมชื่นชอบและชื่นชมมากที่สุดในตอนนี้
1. เราคิดถึงเงิน(เดือน)มากกว่าเป้าหมาย
ผมเชื่อว่าเด็กที่พึ่งเรียนจบจำนวนมาก อยากทำงานที่ได้เงินเดือนมาก ๆ ไว้ก่อน อนาคตเป็นอย่างไรไม่รู้ ซึ่งบางครั้งการที่เราตั้งเงินเดือนเป็นหลัก มันทำให้เราเสียโอกาสหลายอย่างนะ ถามว่าเงินสำคัญไหม? สำคัญสิ แต่เฮ้ย! เราพึ่งอายุ 20 ต้น ๆ เองนะ เราต้องการเงินเดือนสูงขนาดนั้นไปเพื่ออะไร เพื่อไม่ให้เราโดนข่มตอนวันรวมญาติ? เพื่อที่เราจะได้อวดชีวิตดี ๆ ลงอินสตราแกรม? For What?
ในขณะที่เรายังอายุเท่านี้ สิ่งที่เราต้องโฟกัสคือ เลือกทำงานที่เราจะได้พัฒนาตัวเองในฟีลด์ที่เราสนใจ หรือฟีลด์ที่จำเป็นต่อเป้าหมายของเราในอนาคต ไม่ใช่ทำงานที่เราไม่ได้อินกับมันเพื่อให้ได้เงินยาไส้ทุกเดือน คำถามคือ แล้ว End Game ของชีวิตเราคืออะไร? หากเรายังใช้ชีวิตแบบนั้นต่อไปเรื่อย ๆ
ผมไม่ได้บอกให้เราตามหาความฝันบลา ๆ หรือทำงานที่ได้เงินน้อย ๆ นะ แต่ให้เราเลือกทำงานที่มันตอบโจทย์กับเป้าหมายชีวิตมากกว่าที่จะคิดมากเรื่องเงินเดือน
2. เราไม่ได้กลัวความล้มเหลว แต่เรากลัว…อย่างอื่น
เวลาเราจะริเริ่มทำอะไรสักอย่าง มักจะมีคนพูดให้เราได้ยินเสมอว่า “อย่าทำเลย” “มันไม่คุ้มหรอก” “ถ้าเกิดพังขึ้นมา…” และอีกมากมาย ที่จะขวางกั้นให้เราไม่ได้ทำสิ่งต้องการ เราอาจไม่ได้แยแสกับคำพูดเหล่านั้น แต่ถ้าเป็นคำพูดของคนที่เรารักและเขาพูดด้วยความเป็นห่วงจริง ๆ นั่นอาจทำให้เรากังวลและล้มเลิกในที่สุด
และรู้อะไรไหม? ที่เราล้มเลิกไม่ใช่เพราะเรากลัวตัวเองล้มเหลวหรอกนะ แต่เรากลัวว่าเราจะล้มเหลวต่อหน้าคนที่เรารักและกลัวว่าเขาจะผิดหวังในตัวเราต่างหาก ซึ่งนี่คือสิ่งที่เรากลัวในใจจริง ๆ แต่ไม่กล้าพูดออกมา
ถ้าคุณมั่นใจและเชื่อมั่นในสิ่งที่คุณจะทำจริง ๆ ผมแนะนำให้คุณบอกกับคนที่รักว่า:
“ผมไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่ผมทำมันจะสำเร็จหรือล้มเหลว แต่ผมจะทำอย่างดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ตาม ผมอยากให้คุณยังอยู่เคียงข้างผมและรู้สึกกับผมเช่นเดิม”
การที่เราบอกกับคนที่เรารักทำนองนี้ ทำให้เขารู้สึกว่า เราไม่ได้เมินคำเตือนและเห็นความสำคัญของเขานะ แต่เราอยากทำสิ่งนั้น ๆ จริง ผมเชื่อว่าคนที่รักคุณอย่างแท้จริง เมื่อได้ยินประโยคแบบนี้ เขาจะไม่รั้งคุณและเชื่อมั่นในตัวคุณแน่นอน ที่เหลือคุณก็พิสูจน์ให้เขาเห็นซะ!
3. Zero Action
คำพูดมากมาย ความหมายเท่าเดิม ไม่ว่าคุณจะอ่านหนังสือมากี่เล่ม ฟังวิดีโอแรงบันดาลใจมากี่รอบ หรือพูดให้คนอื่นฟังมากี่หน มันไม่สำคัญเลย มันไม่สำคัญสักนิดเลย! ถ้าคุณไม่ลงมือทำ คำถามคือ แล้วเราจะปลดตัวเองให้ออกมา “ทำ” ได้อย่างไร?
คำตอบคือ “ก็ทำสิโว้ย !” เรื่องการเริ่มลงมือทำ จุดนี้มันไม่มีคำแนะนำสวยหรูอะไรแล้ว ถ้ามีก็เป็น Bullsh*t สุด ๆ มันอยู่ที่ตัวเราเองว่าจะ Take Action ไหม? จะลองดูสักตั้งไหม? มันก็เท่านั้นเอง