ในที่สุดก็มาถึง EP.3 ที่จะพูดถึงสิ่งที่หลายคนอยากรู้มากที่สุด นั่นก็คือ การขุดบิทคอยน์ (Bitcoin Mining) ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในวงการคอมพิวเตอร์และบรรดานักลงทุนที่เห็นช่องโกยกำไรจากบิทคอยน์ และอีกเช่นเคย เราจะค่อย ๆ อธิบายเรื่องการขุดบิทคอยน์โดยใช้คำถามง่าย ๆ เป็นตัวคลี่คลายความซับซ้อนของการขุดบิทคอยน์ให้ทุกคนเข้าใจ
ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรกันแล้ว เรามาเข้าสู่เนื้อหาของ EP.3 กันเลยดีกว่า
-
“การขุดบิทคอยน์นี่คือเอาพลั่วไปขุดเครื่องคอมหรอ ยังงี้ก็พังหมดดิ!”
จะบ้ารึงไง!? มันก็แค่การเปรียบเปรยเฉย ๆ เอาอย่างนี้ละกัน เพื่อไม่ให้ถลำลึกไปกว่านี้ เรามาทำความเข้าใจกับระบบการทำงานของมันก่อน กล่าวคือ ต้องย้อนกลับไปที่ EP.2 บล็อคเชนคืออะไร? สักเล็กน้อย ที่พูดถึงว่าคอมพิวเตอร์ของผู้ที่ใช้งานบล็อกเชนจะมีสถานะเป็นโหนด (Node) ที่คอยยืนยันความถูกต้องของธุรกรรม (Transaction) แต่ประเด็นคือ ไม่ใช่ทุกคนที่ทำหน้าที่ยืนยันความถูกต้องของธุรกรพ่อรม แต่มันจะมีคนอยู่กลุ่มหนึ่งที่ใช้คอมพิวเตอร์ของตัวเองอาสาทำหน้าที่นี้ โดยเราจะเรียกคนเหล่านี้ว่า “นักขุด (Miner)”
-
“แล้วเขาใช้คอมตัวเองยืนยันความถูกต้องของธุรกรรมยังไงอะ? แล้วเขาได้อะไรเป็นรางวัลตอบแทน?”
การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อยืนยันความถูกต้องของธุรกรรม มีหลักการง่าย ๆ คือ ธุรกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นในช่วงเวลา 10 นาทีจะถูกบรรจุลงกล่อง นักขุดก็ทำหน้าที่ตรวจสอบว่าธุรกรรมที่อยู่ในกล่องนั้นทั้งหมดมีอันไหนจริง อันไหนปลอมบ้าง เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วก็แค่ปิดกล่อง แล้วก็เริ่มกล่องใหม่ แต่บล็อกเชนสร้างกลไกพิเศษขึ้นมา นั่นก็คือว่า ผู้ที่จะทำหน้าที่ปิดกล่องแล้วเริ่มกล่องใหม่ต้องใช้รหัสลับเท่านั้น และการจะรู้รหัสลับนี้ได้ ก็ต้อง “สุ่มวนไปค่ะ”
โดยรหัสที่ว่าจะเป็นตัวเลขและตัวอักษรแบบ 256 บิท หรือพูดง่าย ๆ ก็คือรหัสลับนั้นมีความเป็นไปได้ถึง 2256 รหัส ซึ่งมันมหาศาลมาก แต่อย่างไรก็ดี บล็อกเชนสามารถปรับจำนวนบิทให้น้อยลงเพื่อให้เหมาะสมกับพลังการสุ่มในขณะนั้นได้ โดยจะรักษาเวลาให้มีคนสุ่มรหัสเจออยู่ที่ประมาณ 10 นาที
ทีนี้บรรดานักขุดทั้งหลาย ก็ต้องเอาคอมพิวเตอร์ของตัวเองมาสุ่มรหัสแข่งกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ซึ่งผู้ชนะจะมีเพียงแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น เราจึงเปรียบเปรยการสุ่มรหัสแบบนี้ว่าเป็น “การขุดบิทคอยน์” เพราะผู้ที่สุ่มรหัสได้ถูกต้องเป็นคนแรกก็จะได้บิทคอยน์เป็นรางวัล ส่วนที่เหลือก็กินแห้วไปตามระเบียบ
-
อย่างนี้ก็ต้องทำให้คอมพิวเตอร์แรง ๆ ถึงจะมีโอกาสสุ่มเจอมากกว่าคนอื่นถูกไหม?”
ถูกต้อง เพราะถ้าคอมพิวเตอร์เราช้า เราก็สุ่มรหัสไม่ทันคนอื่น หากเราคิดจะขุดบิทคอยน์จริง ก็ต้องอัพเกรดอุปกรณ์ภายในคอมให้เหมาะสม ซึ่งอุปกรณ์ภายในคอมที่ใช้สุ่มรหัสได้ ก็จะมีหลัก ๆ คือ หน่วยประมวลผลกลาง (CPU) การ์ดจอ (GPU) และอุปกรณ์เฉพาะทางอื่น ๆ เช่น ASIC แต่ละอุปกรณ์จะมีความทรงพลังในการสุ่มไม่เท่ากัน CPU อาจสุ่มได้ 1 ล้านรหัส/วินาที ในขณะที่การ์ดจอทำได้ 10-100 ล้านรหัส/วินาที หรือถ้าเป็นอุปกรณ์เฉพาะทางอย่าง ASIC อาจทำได้ถึง 1,000-10,000 ล้านรหัส/วินาที (นี่เป็นตัวเลขที่สมมติขึ้นมาเท่านั้น แล้วก็ขึ้นอยู่กับรุ่นของอุปกรณ์ด้วย)
-
“อ๋อ พอเข้าใจหลักการขุดละ แล้วการลงทุนขุดบิทคอยน์มันมีกี่แบบ? ต้องทำยังไงบ้าง?”
เริ่มแรกให้เราสมัครบัญชีบิทคอยน์จากเว็บไหนก็ได้ โดยเราจะได้ Bitcoin Address ที่เป็นบัญชีของเรา หน้าตาก็จะประมาณนี้ 3KoPLdyjJkrPjUo8F28tio3BZuN22Bz21p เป็นบัญชีที่ไว้รับเงินจากการขุด
เมื่อได้บัญชีบิทคอยน์มาแล้ว ต่อไปเราจะพูดถึงวิธีทำมาหากินกับบิทคอยน์ โดยการขุดบิทคอยน์สามารถจำแนกออกเป็น 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่
- การขุดแบบปกติ (General Mining) โดยแบ่งย่อยได้อีก 2 แบบ คือ
- การขุดแบบเดี่ยว (Solo Mining) ก็คือใช้คอมที่เราประกอบขึ้นมา ขุดตรงไปยังบล็อคเชนเลย แต่วิธีนี้ไม่เป็นที่นิยมนัก เพราะต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทรงพลังมาก และมีโอกาสน้อยมากที่จะได้บิทคอยน์ เรียกได้ว่าไม่คุ้มกับทรัพยากรที่ลงทุนไป
- การขุดแบบกลุ่ม (Pool Mining) วิธีนี้จะเป็นการเอาคอมพิวเตอร์ของเราไปร่วมกลุ่ม (Pool) ผ่านอินเตอร์เน็ตกับคนอื่น ๆ เช่น AntPool F2Pool BitFury และอื่น ๆ การขุดแบบนี้ทำให้เรามีโอกาสได้บิทคอยน์สูงมาก แต่รางวัลที่ได้ก็จะถูกนำมาแบ่งตามกำลังขุดของแต่ละคน ได้น้อย แต่ได้ชัวร์และได้เรื่อย ๆ ทำให้วิธีนี้เป็นที่นิยมอย่างมาก
- การขุดแบบคลาวด์ (Cloud Mining)
วิธีนี้ก็เป็นที่นิยมไม่แพ้กัน เหมาะสำหรับทั้งคนทุนน้อยและคนทุนหนา แต่ไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับการประกอบและดูแลรักษาคอมพิวเตอร์ เพราะแทนที่เราจะประกอบคอมขึ้นมาขุดเหมือนแบบแรก เราใช้วิธีซื้อกำลังขุดจากผู้ที่ให้บริการที่ทำฟาร์มบิทคอยน์ เช่น Genesis-Mining หรือ HashBx ของคนไทย ก็จะมีแพคเกจกำลังขุดให้เราเลือกซื้อ เป็นการซื้อขาด จ่ายครั้งเดียวแล้วจบ แต่บิทคอยน์ที่ได้ก็จะถูกหักบางส่วนเพื่อเป็นค่าดูแลรักษาระบบ ส่วนที่เหลือก็รอให้ทุนค่าแพคเกจคืน แล้วก็รับผลกำไร
สรุปง่าย ๆ คือ การขุดแบบเดี่ยว (Solo Mining) ไม่เป็นที่นิยม เพราะมีโอกาสได้บิทคอยน์ยากและต้องคอมพิวเตอร์ที่มีพลังประมวลผลสูงมาก ในขณะที่การขุดแบบกลุ่ม (Pool Mining) สามารถใช้คอมพิวเตอร์ระดับกลาง-สูง เพื่อขุดแล้วรับส่วนแบ่งตามกำลังขุดของแต่ละคน ส่วนการขุดแบบคลาวด์ (Cloud Mining) ถึงแม้จะสบายที่สุด เพราะจ่ายครั้งเดียวจบ ไม่ต้องลงทุนประกอบคอมและเสียค่าไฟ แต่บิทคอยน์ที่ได้จะถูกหักไปพอสมควร
เอาเป็นว่า ถ้าอยากลงทุนขุดบิทคอยน์ ก็เลือกตามความเหมาะสมของเราและความเสี่ยงที่เรารับได้ ส่วนระยะเวลาในการเรียกทุนคืนก็ขึ้นอยู่กับความผันผวนของราคาบิทคอยน์ในตลาด ยิ่งราคาสูงก็ยิ่งคืนทุนเร็ว แต่ถ้าราคาลงก็ยืดเวลาเข้าไปอีก สำหรับการขุดแบบเดี่ยว ต้องขออภัยเพราะไม่มีข้อมูล แต่สำหรับการขุดแบบกลุ่มจะใช้เวลาโดยประมาณ 6-8 เดือน ในขณะที่การขุดแบบคลาวด์ขึ้นอยู่กับแพคเกจกำลังขุดที่เราซื้อและส่วนแบ่งหลังจากหักค่าบำรุงรักษา
-
“น่าสนใจมาก แล้วมีอะไรอยากจะบอกอีกไหม?”
อยากจะบอกด้วยความเป็นห่วงว่า การลงทุนมีความเสี่ยง อยากให้ศึกษาให้รอบคอบก่อนที่จะลงมือทำจริง ไม่ว่าจะเป็นการขุดประเภทไหนก็ตาม ประกอบกับการคำนึงถึงกรณีที่แย่ที่สุด (Worst Case) ว่าเรารับลิมิตของมันได้แค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของราคาบิทคอยน์ ระยะเวลาเรียกทุนคืน หรือ ความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ เป็นต้น
สำหรับเนื้อหาของบทความก็มีเพียงเท่านี้ จุดประสงค์ของเราคืออยากให้ทุกคนเข้าใจความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการขุดบิทคอยน์ ส่วนคนที่อยากได้ความรู้เชิงลึก เราอยากให้ท่านศึกษาด้วยตนเองจากเว็บไซต์ต่างประเทศ หรือฟังบรรยายจากเซียนทางด้านการขุดบิทคอยน์โดยเฉพาะ
ตอนต่อไปเราจะพูดถึงสกุลเงินดิจิตอลอื่น ซึ่งก็คือ อีเธอเรียม (Ethereum) พระรองที่รอวันเป็นพระเอก เพื่อดูว่ามันแตกต่างจากบิทคอยน์อย่างไร มีความพิเศษอะไรบ้าง รวมถึงอนาคตของเงินสกุลนี้ด้วย อย่าลืมติดตามกันนะ
แนะนำเว็บไซต์
เช็คราคาบิทคอยน์และเงินดิจิตอลสกุลอื่น
– https://bx.in.th/
กราฟอัตราความสำเร็จในการขุดบิทคอยน์ของแต่ละ Pool
– https://bitcoinchain.com/pools
เว็บที่ขายแพคเกจกำลังขุด
– https://www.genesis-mining.com/pricing
– https://hashbx.in.th/home
_______________________________________________________________________________
อ่านซีรี่ย์ทั้งหมด
EP.1 บิทคอยน์คืออะไร?
EP.2 บล็อกเชนคืออะไร?
EP.3 การขุดบิทคอยน์คืออะไร?
EP.4 อีเธอเรียมคืออะไร?