แม้จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของ AI ยุคใหม่ แต่ล่าสุด Scale AI ก็ต้องยอมหดตัวเพื่อความอยู่รอดในระยะยาว โดยบริษัทได้ปลดพนักงาน 14% หรือประมาณ 200 คน และพนักงานสัญญาจ้างอีกกว่า 500 คน ซึ่ง CEO คนใหม่ Jason Droege ยอมรับตรงๆว่า ทีมงานด้าน Generative AI เติบโตเร็วเกินไปในช่วงปีที่ผ่านมา จนทำให้มีความซ้ำซ้อนของทีมและเริ่มขาดความคล่องตัว
การลดพนักงานครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ Meta ประกาศลงทุนกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์ใน Scale AI พร้อมดึงตัวผู้ก่อตั้งอย่าง Alexandr Wang ไปร่วมงานในโปรเจกต์ Superintelligence ซึ่งก็มีผลต่อความสัมพันธ์กับลูกค้าเดิมของ Scale AI เช่น Google และ xAI ที่เริ่มลดบทบาทความร่วมมือหรือหยุดโปรเจกต์ลงทันที
Scale AI เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการและติดป้ายกำกับข้อมูลเพื่อใช้ฝึกโมเดล AI ซึ่งในยุคที่ Generative AI กำลังเป็นเทรนด์ใหญ่ การมีข้อมูลฝึกที่ถูกต้องและหลากหลายถือเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้โมเดลฉลาดมากขึ้น โดยลูกค้าระดับใหญ่ของ Scale AI ได้แก่ OpenAI, Google, Meta, และหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งต้องการข้อมูลที่ถูกต้องสำหรับเทรนโมเดลขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการแข่งขันสูง บริษัทจำเป็นต้องบริหารทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทำให้มีการลดจำนวนทีมจาก 16 ทีมเหลือ 5 ทีม และหันไปโฟกัสกับตลาดภาคองค์กร รัฐบาล และต่างประเทศในช่วงครึ่งปีหลัง 2025
ถึงแม้ Scale จะยังมีเงินทุนในมืออยู่มาก แต่เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้ AI จะเป็นเทคโนโลยีที่กำลังบูม และเม็ดเงินไหลเข้ามามหาศาล แต่การขยายตัวเร็วเกินไปโดยขาดทิศทางที่ชัดเจนก็อาจทำให้เกิดฟองสบู่เล็กๆได้เช่นกัน และใครที่คาดการณ์และปรับตัวได้เร็วกว่าก็อาจจะได้เปรียบ หรือแม้กระทั่งเป็นผู้ชนะในระยะยาว
ที่มา: https://www.theverge.com/news/708377/scale-ai-layoffs-14-percent