อาจจะช้าไปเสียหน่อยที่จะพูดถึงเรื่องนี้ เพราะว่าทั้ง 3 วันที่กล่าวมาก็ได้ผ่านไปเป็นเดือนแล้ว แต่ผมคิดว่ามันมีจุดที่น่าสนใจที่จะพูดถึงทั้ง 3 วันนี้ คือว่า ทำไมธุรกิจขายของออนไลน์จึงเลือกใช้วันนี้ในการลดราคา และสุดท้ายแล้วเราในฐานะผู้บริโภค เราได้ประโยชน์จากวันเหล่านี้จริง ๆ หรือว่าเราเป็นเพียงเหยื่อทางการตลาด-ทาสโปรโมชั่น
ความเป็นมาของ Cyber Monday, Black Friday และ Single’s Day
Cyber Monday
Cyber Monday เป็นวันที่ธุรกิจขายของออนไลน์ในอเมริกาพร้อมใจกันลดราคาสินค้ากันเต็มที่ โดยเป็นแผนการตลาดที่ใช้กระตุ้นยอดขายของออนไลน์ในวันจันทร์หลังจากวันเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ผู้ที่คิดค้นแนวทางการตลาดนี้ขึ้นมาคือ Ellen Davis และ Scot Silverman และเริ่มใช้ครั้งแรกในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2005 สื่อของทาง Shop.org ถึงกับลงประกาศว่า Cyber Monday เป็นหนึ่งในวันที่มียอดขายของออนไลน์มากที่สุดของปี
ในปี 2017 Cyber Monday สร้างยอดขายได้สูงถึง 6.59 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 2 แสนล้านบาทเลยทีเดียว นอกจากนี้ Cyber Monday ยังเปิดโอกาสให้ผู้ขายรายย่อยสามารถแข่งขันกับเจ้าใหญ่ ๆ ได้ และวันนี้ก็ได้กลายเป็นวันที่นักช้อปตั้งตารอคอยพอ ๆ กับ Black Friday และถูกนำไปใช้ทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะแค่อเมริกาอีกต่อไป
Black Friday
หาก Cyber Monday เป็นวันสำหรับของออนไลน์ Black Friday ก็เป็นวันสำหรับขายของออฟไลน์นั่นเอง หมายความว่า พวกสินค้าที่ขายตามห้างสรรพสินค้าจะลดราคาแบบสุด ๆ ให้คนเข้ามายื้อยุดฉุดกระชากสินค้าที่จัดโปรโมชั่น คำว่า Black Friday สันนิษฐานว่าเกิดขึ้นในรัฐฟิลลาเดเฟียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี 1961 เดิมเป็นคำที่ใช้พูดถึงวันศุกร์หลังวันเทศกาลขอบคุณพระเจ้า ซึ่งการจราจรบนท้องถนนจะโหดร้ายมาก และอีกราว 20 ปีต่อมา Black Friday ถูกพูดถึงในแง่ที่เป็นวันที่บรรดาร้านค้าปลีกในสหรัฐเริ่มมีกำไรสูงขึ้น จากตัวเลขที่ติดลบที่ใช้หมึกสีแดง กลายเป็นตัวเลขที่เป็นบวกที่ใช้หมึกสีดำนั่นเอง
และนับตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา Black Friday กลายเป็นวันขายของที่วุ่นวายที่สุดของปีในประเทศสหรัฐอเมริกา เพราะผู้คนจะทะลักเข้ามาซื้อของกันอย่างมหาศาล มีการแย่งชิงสินค้าจนถึงขนาดทำร้ายร่างกายกันก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว ปัจจุบัน Black Friday ไม่ได้จำกัดอยู่ที่การขายของออฟไลน์อีกต่อไป ธุรกิจขายของออนไลน์ใช้วันนี้เพื่อกระตุ้นยอดขายเช่นเดียวกับ Cyber Monday และนำไปใช้ทั่วโลกเหมือนกัน
Single’s Day
ส่วน Single’s Day ไม่ได้เป็นวันสำหรับขายของออนไลน์โดยเฉพาะ แต่เป็นวันเทศกาลคนโสดของจีน คาดว่ากำเนิดขึ้นในมหาวิทยาลัยหนานจิงในปี 1993 ซึ่งวันนี้จะตรงกับวันที่ 11 พฤศจิกายนของทุกปี และต่อมาก็วันนี้ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นจากกระแสที่เกิดขึ้นในอินเตอร์เน็ต โดยในวันนี้ผู้คนก็จะพากันเฉลิมฉลองความโสดกันอย่างหน้าชื่นตาบาน ต่อมาทางเครือ Alibaba ก็ได้ใช้วันนี้เป็นกระตุ้นยอดขายของออนไลน์บนเว็บไซต์ของตัวเอง
และในวันที 11 พฤศจิกายน 2017 ที่ผ่านมานี้ Alibaba ได้ทำสถิติยอดขายออนไลน์ที่สูงสุดในโลก โดยมียอดขายมีมูลค่าถึง 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 8 แสนล้านบาทภายใน 24 ชม. และมีรายการธุรกรรมออนไลน์ถึง 1.48 พันล้านรายการ ในขณะที่เรียกได้ว่าถล่มทลายกันแบบสุด ๆ
ทำไมบรรดาธุรกิจขายของออนไลน์ถึงพากันลดสนั่นในวันเหล่านี้?
เราจะสังเกตได้ว่าช่วงเวลาของทั้ง 3 วัน จะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นช่วงปลายปีและอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของภาคธุรกิจ โดยเราสามารถวิเคราะห์ออกมาได้ดังนี้
- เป็นช่วงที่ลูกค้ามีกำลังซื้อมากที่สุด
ผมคิดว่าช่วงปลายปีน่าจะเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้ามีกำลังซื้อมากกว่าช่วงเวลาอื่นของปี เพราะมีเงินเก็บจากการทำงานมาแล้วในระดับหนึ่ง ภาคธุรกิจจึงอาศัยโอกาสนี้ลดราคาสินค้า เพื่อสร้างแรงดึงดูดให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยให้มากได้ที่สุด พูดง่าย ๆ ก็คือ เมื่อ Purchasing Power มีอยู่สูง ทำให้คนตัดสินใจง่ายขึ้นในการซื้อของ เมื่อผนวกกับการลดราคาอย่างหนัก ปริมาณการซื้อสินค้าก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปอีกนั่นเอง
- เป็นช่วง Clearance ของธุรกิจต่าง ๆ
ช่วงเวลานี้อยู่ในไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปีนั้น นั่นหมายความว่า เมื่อเริ่มไตรมาสที่ 1 ของปีหน้า ก็จะมีการผลิตสินค้าตัวใหม่ หรือรุ่นใหม่กว่าเดิม ทำให้ธุรกิจต่าง ๆ พยายายามที่จะเคลียร์สินค้าตัวปัจจุบันทีมีออกไปให้ได้มากที่สุด อีกแง่หนึ่งเนื่องจากสินค้าทุกชนิดมีค่าเสื่อมสภาพ และบางธุรกิจต้องเสียค่าดูแลคลังสินค้าด้วย การขายสินค้าในราคาที่ถูกในช่วงนี้ แม้จะได้กำไรลดลงมาหน่อย แต่ก็ได้ยอดขายที่เพิ่มขึ้น ได้เคลียร์คลังและลด Cost ที่ไม่จำเป็นออกไป ซึ่งส่งผลดีต่องบการเงินของธุรกิจในไตรมาสสุดท้ายของปีด้วย
- Cyber Monday และ Black Friday มีความพิเศษกว่าวันอื่น
วันลดราคาสินของวันเหล่านี้ มีความพิเศษที่แตกต่างจากการลดราคาทั่วไป อย่างที่กล่าวไปตอนแรกว่า Cyber Monday และ Black Friday มีความเกี่ยวโยงกับเทศกาลขอบคุณพระเจ้า นั่นหมายความว่า เมื่อสิ้นสุดเทศกาลแล้ว มันก็เหมือนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกลาย ๆ ว่า พอเข้า Cyber Monday หรือ Black Monday จะต้องซื้ออะไรสักอย่างให้เป็นรางวัลชีวิตตัวเอง หรือซื้อเป็นของขวัญให้กับคนพิเศษ
ส่วน Single’s Day ของจีน อาจจะยังมองได้ไม่ชัดเท่าไร เพราะ Alibaba พึ่งนำใช้เป็นวันจัดโปรโมชั่น คงต้องรอดูต่อไปว่าคนจีนจะรู้สึก “อิน” กับวันนี้มากแค่ไหนในอนาคต
สรุปแล้วในฐานะผู้บริโภคเราได้ประโยชน์หรือเราเป็นเหยื่อกันแน่?
โดยภาพรวมผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ Win-Win ทั้งสองฝ่ายนะ คือ เราในฐานะผู้ซื้อก็ได้ซื้อของในราคาที่ถูกกว่าราคาปกติ ส่วนฝั่งผู้ขายก็ได้เคลียร์สต็อกสินค้า และลด Cost ที่ไม่จำเป็นออกไป แต่ก็ยังมีภัยต่าง ๆ ที่อาจทำให้เราตกเป็นเหยื่อได้เช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น
- ราคาสินค้าที่ถูกจนผิดปกติ
นี่ถือเป็นเรื่องที่ต้องระวังอย่างมาก เพราะพวกที่มิจฉาชีพจะใช้ประโยชน์จากความโลภของเรา เพื่อจะล่อให้ซื้อของที่ราคาถูกมาก เช่น ลด 90-95% ซึ่งเมื่อใช้สติพิจารณาดูแล้วจะพบว่ามันไม่สมเหตุสมผลกับราคาเลย และคำอธิบายสินค้าบางทีก็ผิดเพี้ยนไปจากความจริง เมื่อเจออะไรแบบนี้ควรไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะเสียเงินฟรี หรือได้ของที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้น ข้อมูลบัตรเครดิตของเราก็อาจถูกโจรกรรมไปเลยก็ได้
ตัวอย่างในต่างประเทศที่โดนหลอกขาย Iphone แต่ได้มันฝรั่งมาแทน ไม่รู้ว่าจะขำหรือสงสารดี
- เว็บไซต์ที่ไม่คุ้นเคย
การซื้อของออนไลน์ในช่วง Cyber Monday และ Black Friday ควรเลือกเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือ เป็นที่รู้จัก มีเครดิตการซื้อขายที่ชัดเจน เพราะช่วงเวลาแบบนี้จะมีเว็บที่สร้างขึ้นมาหลอกเอาเงินหรือข้อมูลบัตรเครดิตของเราเต็มไปหมด ดังนั้นให้ระมัดระวังไว้ แล้วเลือกใช้เว็บไซต์ที่เราเคยซื้อ-ขายอยู่ประจำ ๆ
- ผู้จัดจำหน่ายเป็นใครไม่ทราบ
เวลาเรากดเข้าไปดูสินค้าในเว็บไซต์ขายของออนไลน์ มันก็จะมีบอกว่าสินค้าตัวนี้ใครเป็นผู้ขาย ในเว็บที่ดีหน่อย ก็จะทำลิงก์ที่ชื่อผู้ขาย ให้เรากดเข้าไปดูได้ว่าเป็นใครเป็นผู้จัดจำหน่าย ซึ่งก็ผ่านการคัดกรองมาแล้วระดับหนึ่ง แต่ควรเข้าไปเช็คอีกนิด เรื่องช่องทางการติดต่อ หรือเงื่อนไขการรับประกันสินค้า เพราะในช่วง Cyber Monday และ Black Friday สินค้าที่ส่งมาบางทีอาจจะมีปัญหาได้