กลับมาอีกครั้งกับบทความแนวพัฒนาตัวเองครับ ที่ช่วงนี้ทางเพจไม่ได้โพสต์บทความแนวนี้ ก็เพราะไปตกผลึกอยู่ว่าจะเขียนอะไรดีที่มันเป็นของจริงและเอาไปใช้ได้จริง ไม่โลกสวยฟรุ้งฟริ้งเหมือนบทความอื่น ๆ ก็สรุปมาได้ 4 ข้อดังนี้ครับ ลองอ่านกันดู

  1. ตั้ง Mindset ของตัวเองเสียใหม่

Mindset คืออะไร? มันคือรูปแบบทางความคิดที่เรามี ยกตัวอย่างเช่น เวลาพูดถึงการริเริ่มทำธุรกิจแนวใหม่ที่มีความเสี่ยง คนกลุ่มแรกจะมองว่าการทำธุรกิจที่ไม่มีใครทำกันจะนำไปสู่ความล้มเหลว แต่คนอีกกลุ่มหนึ่งจะมองว่าถึงแม้จะเสี่ยงก็จริง แต่ก็เป็นโอกาสที่ตัวเองจะได้เปิดประตูบานใหม่ให้กับโลกธุรกิจ คนสองกลุ่มนี้มี Mindset ที่แตกต่างกัน ซึ่งไม่มีใครผิดใครถูก และผมไม่ได้มาอวยอะไรแบบนี้

แต่สิ่งที่ผมจะสื่อสารก็คือ คุณต้องเลิกคิดว่าตัวเองไม่สามารถทำบางอย่างให้สำเร็จได้ เลิกคิดว่าศักยภาพของคุณถูกจำกัดอยู่แค่เพียงเท่าที่มีในปัจจุบัน คุณต้องทำลายกำแพงตรงนั้น แล้วตั้ง Mindset ของตัวเองใหม่ว่า โอเค ถึงแม้สิ่งที่เราต้องการจะทำหรือต้องการจะเป็น มันยากลำบากนะ มันมีอุปสรรคเยอะนะ แต่เราก็ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ สรุปสั้น ๆ คือ คุณต้องโฟกัสไปที่เป้าหมายเป็นหลัก และไม่หวั่นไหวต่อสิ่งที่ถาโถมเข้ามา

  1. เปลี่ยนพฤติกรรมดั้งเดิมของตัวเอง

ทุกคนย่อมรู้ดีด้วยสามัญสำนึกของตัวเองว่า เมื่อคุณตั้งเป้าหมายไว้ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยแค่ไหน นั่นคือพฤติกรรมหรือการดำเนินกิจวัตรประจำวันแบบเดิม ๆ จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ คุณต้องรื้อพฤติกรรมดั้งเดิมทีมี แล้วจัดระเบียบใหม่ เช่น ตื่นเช้ากว่าเดิมสัก 1-2 ชม. เพื่ออ่านหนังสือหรือออกกำลังกาย หรือเสาร์-อาทิตย์ไปเข้าคอร์สสอนภาษาหรือพัฒนาทักษะที่จำเป็นแทนที่จะไปเดินห้าง เป็นต้น พูด ๆ ง่าย คือ คุณต้องเตรียมใจไว้ว่าคุณจะใช้ชีวิตแบบเดิมไม่ได้ และคุณจะเหนื่อยกว่าเมื่อก่อน (จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับขนาดความฝันของคุณ) จำไว้ว่าทุกอย่างมีราคาที่ต้องจ่าย

  1. เลิกเอาคำพูดแง่ลบมาใส่หัว

เป็นสัจธรรมว่าคนที่ประสบความสำเร็จย่อมมีจำนวนน้อยกว่าคนที่ไม่ประสบความสำเร็จเสมอ และคนรอบตัวเราส่วนใหญ่ก็มักเป็นคนที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรนัก ก็คือมีเท่าที่มีเหมือนคนทั่วไป ทำให้เวลาเราพูดถึงเป้าหมายหรือความฝันของเรา ที่สำหรับเขาแล้วมันดูใหญ่เกินตัวเรา คนเหล่านี้ก็อาจพูดในสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจเรา เช่น “อย่าไปเสียเวลาเลย” “มันไม่เวิร์คหรอก” “นึกถึงความเป็นจริงหน่อย” ซึ่งมันอาจทำให้เราไขว้เขวหรือไม่มั่นใจในเป้าหมายที่ตั้งไว้ ดังนั้นถ้าเราเจอคำพูดทำนองนี้ ก็ไม่ต้องเก็บเอามาคิด แต่ถ้าเขามีเหตุผลสนับสนุนชัดเจน หรือพูดด้วยความเป็นห่วงจริง ๆ ก็อาจจะฟังไว้บ้าง แต่อย่าให้มามีอิทธิพลกับการตัดสินใจของเราเด็ดขาด เพราะทุกอย่างเรากำหนดเอง

  1. หันมาทำในกิจกรรมที่มีแรงต้านสูงมากกว่าแรงต้านต่ำ

กิจกรรมที่มีแรงต้านสูง/ต่ำ คืออะไร? ยกตัวอย่างเช่น ถ้าให้คุณนั่งเล่นมือถือ เล่นเกม ดูหนังหรือไปเดินช้อปปิ้ง คุณก็ยินดีที่จะทำโดยไม่ปริปากบ่นใช่มั้ยล่ะ นี่คือกิจกรรมที่มีแรงต้านต่ำ ส่วนการอ่านหนังสือ การออกกำลังกาย หรือการไปเข้าคอร์สพัฒนาทักษะ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้มีแรงต้านสูง คือเรามักจะหาข้ออ้างมาบ่ายเบี่ยงไม่ทำสิ่งเหล่านี้เสมอ ทั้ง ๆ ที่มันเป็นกิจกรรมที่เราจะได้พัฒนาตัวเองทั้งนั้น คือผมไม่ได้บอกให้คุณเลิกทำกิจกรรมชิล ๆ นะ แต่ถ้าคุณอยากจะบรรลุเป้าหมาย คุณต้องให้ความสำคัญกับกับกิจกรรมที่มีแรงต้านสูงมากกว่าเดิมหลายเท่านั่นเอง

อย่างไรก็ดี ผมว่าทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งทางจิตใจของตัวคุณเองนั่นแหละ การเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าเดิมเพื่อบรรลุเป้าหมายต้องเจอกับแรงเสียดทานเสมอ มันจะมีบางอย่างที่โน้มน้าวให้คุณล้มเลิกทั้งจากตัวคุณเองและสิ่งรอบข้าง น้ำไหลลงสู่ที่ต่ำฉันใด มนุษย์เราก็เป็นฉันนั้นครับ หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ ขอให้ทุกคนโชคดีครับ

Recent Posts
Contact Us

We're not around right now. But you can send us an email and we'll get back to you, asap.

Start typing and press Enter to search